การปรับค่าลดหย่อนในส่วนของเบี้ยประกันชีวิต และในกรณีที่พนักงานมีคู่สมรส

Views: 13065 Last Updated: 06/07/2012 16:17

วิธีการแก้ไข

ให้เข้าไปที่ หัวข้อ Update / แก้ไขตารางอัตราภาษี กด F5 มาที่เบี้ยประกัน เปลี่ยนยอดเดิมจาก 10,000 บาท เป็น 50,000 บาท แล้วกด 10 เพื่อ save ข้อมูล
จากนั้นให้ไปที่หัวข้อ Update / เพิ่มหรือแก้ไขแฟ้มพนักงาน โดยเรียกรหัสพนักงานที่มีเบี้ยประกันชีวิตขึ้นมา แล้วกด F3 เลือกข้อ 5 กำหนดค่าลดหย่อนพนักงาน กด Enter เปลี่ยนที่ช่อง จำนวนเงิน / ปี ให้เท่ายอดเงินที่พนักงานจ่ายจริงต่อปี แต่ไม่เกิน 50,000 บาท เช่น พนักงานจ่ายเป็นเงิน 2,4000 จากเดิมหักได้เพียง 10,000 บาท ให้เปลี่ยนเป็น 24,000 บาท ตามที่จ่ายจริง แล้วกด F10 เพื่อ Save ข้อมูล หลังจากนั้นท่านสามารถคำนวณภาษีเงินได้ตามปกติ

สำหรับกรณีที่พนักงานมีคู่สมรส และคู่สมรสมีประกันชีวิต แต่ไม่มีเงินได้

ไปที่รายการ UPDATE> แก้ไขตารางอัตราภาษี เมื่อจอภาพ Edit Tax Table แสดงขึ้นมาให้กด F5
เลื่อนแถบแสงไปที่รายการ “เบี้ยประกัน/ไม่เกิน” แล้วพิมพ์ 50,000 กด F10 เพื่อบันทึกรายการ
ไปที่รายการ EDIT> เพิ่มหรือแก้ไขพนักงาน ใส่รหัสพนักงานที่มีเบี้ยประกันชีวิต แล้วกด + เลื่อนแถบแสงไปที่ช่องรายการเบี้ยประกันชีวิต ใส่จำนวนปี, หักไปแล้ว, และจำนวนเงินต่อปี (ในกรณีที่เบี้ยประกันชีวิตเกิน 50,000 บาทต่อปี ให้ใส่เพียง 50,000 บาท)
ในกรณีที่พนักงานที่มีคู่สมรส และคู่สมรสมีประกันชีวิต แต่ไม่มีเงินได้ สามารถนำมาหักลดหย่อนรวมกับพนักงานได้ โดยจะต้องปรับตัวเลข (ตามข้อ 2) ในช่องรายการ “เบี้ยประกันชีวิต/ไม่เกิน” เป็น 100,000 บาท ซึ่งการปรับจะมีผลกับพนักงานทั้งบริษัท เฉพาะผู้มีเบี้ยประกันชีวิตเกิน 50,000 บาทเท่านั้น

ดังนั้นพนักงานที่ต้องการนำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนรวมกัน จะต้องแก้ไขตัวเลขจำนวนเงินต่อปี ตามข้อ 3 ให้เป็นเบี้ยประกันของพนักงาน + เบี้ยประกันของคู่สมรส เช่น ของพนักงาน 30000 บาท ของคู่สมรส 32000 บาท ก็ให้ใส่ตัวเลขในช่องจำนวนเงินเป็น 62000 บาท
ในกรณีที่เบี้ยประกันของพนักงานและคู่สมรสรวมกันเกิน 100,000 บาท ก็ให้ใส่เพียง 100,000 บาท ซึ่งของแต่ละคนจะต้องไม่เกินคนละ 50,000 บาท เช่น ของพนักงาน 65000 บาท ของคู่สมรส 40000 บาท สิทธิที่จะนำมาหักลดหย่อนจะเท่ากับ 50,000 + 40,000 = 90,000 บาทเนื่องจากเบี้ยประกันของพนักงานเกิน 50,000 จึงนำมาหักได้เพียง 50,000 เท่านั้น